close

19 พ.ย. 2568

จาก Workflow สู่ Data Flow: ถอดบทเรียน 'AI Champion' ผู้นำการเปลี่ยนแปลงใน SCGC

Career Story Interviews
SCGC Explainer:
    • SCGC ขับเคลื่อนองค์กรด้วย AI ผ่านโครงการ AILY โดยมี ‘Champion AI’ ทีมงานของ SCGC ที่เริ่มต้นการใช้ AI จาก Passion ต่อยอดสู่การส่งเสริมให้ทั้งองค์กรสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ และความคล่องตัวในการทำงานผ่าน AI
    • AILY ช่วยยกระดับการทำงานผ่าน Automation (ทำงานเร็วขึ้น) และ Augmentation (ช่วยคนเก่งขึ้น) ดังเคส ‘เบิกเนตร’ ทีมกฎหมายที่ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูล สรุปเอกสารนับพันฉบับ ลดเวลาทำงานได้มหาศาล
    • เผยทักษะสำคัญที่สุดในยุค AI คือ วิจารณญาณของคน และการเปลี่ยนวิธีคิดจาก Workflow (ลำดับขั้นตอนงาน) สู่ Data Flow (การมองข้อมูล) เพื่อเลือกใช้ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

--------------------------------------------------------------------------------------------

SCGC ผู้นำธุรกิจพอลิเมอร์และโซลูชันครบวงจรเพื่อความยั่งยืน ได้ส่งเสริมให้พนักงานใช้ AI ในการทำงานทุกวัน เพื่อเพิ่มความแม่นยำและความคล่องตัวทั่วทั้งองค์กร ผ่านโครงการ AILY (ไอลี่) ที่ช่วยให้พนักงานทุกคนสามารถใช้งาน AI กับข้อมูลภายในได้อย่างปลอดภัย

ในบทสัมภาษณ์นี้ เราจึงชวนทุกคนไปรู้จักกับ ‘ตา รวินทร์ศักดิ์ ตติคุณ’ Assistant Manager - Rapid Application Development หนึ่งใน AI Champion ของ SCGC และผู้มีส่วนสำคัญในโครงการ AILY ของ SCGC ที่ช่วยขับเคลื่อนการบูรณาการ AI ให้กับทุกคนในองค์กรอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง

จากวิศวกรไฟฟ้า สู่ 'แชมเปี้ยน' AI

ก่อนหน้างานปัจจุบัน ผมเป็นวิศวกรไฟฟ้ามาก่อน เนื้องานเองก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ AI เลย แต่ผมเป็นคนสนใจเรื่องเทคโนโลยีและอินโนเวชันอยู่แล้ว พอ ChatGPT เกิดขึ้น ก็ยิ่งกระตุกต่อมความอยากรู้ สรุปคืองานหลักที่เป็นวิศวกรไฟฟ้าก็ยังทำรูทีนเดิม แต่เรื่อง AI นั้นเรากระโดดเข้าไปใช้งานจริงเพราะมาจากความสงสัยใคร่รู้ของเราเอง

AI ไม่ได้แค่ 'ลดเวลา' แต่ 'เพิ่มมูลค่า' ให้งาน

ปกติหน้างานวิศวกรไฟฟ้าจะโฟกัสอยู่สองอย่างคือ ดูแลระบบให้ทำงานปกติ และซ่อมบำรุงจุดเสี่ยง โดยใช้คลังความรู้ที่ทีมสั่งสมมากว่า 30 ปี พอมี AI เข้ามา มันก็กลายเป็นเครื่องมือสุดสมาร์ทที่ช่วยวิเคราะห์ความเสี่ยงและขยาย Root Cause ให้ละเอียดขึ้น ทำให้ผมและทีมหาโซลูชันแก้ไขปัญหาได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

จุดเด่นที่ชัดเจนมากคือ งานเอกสาร แม้เป็นวิศวกรก็ยังต้องทำงานเขียน พอมี AI เข้ามาช่วย ก็เหมือนเป็น 'เลขาส่วนตัว' ของเราเลย แม้จะไม่สมบูรณ์ 100% แต่มันช่วยลดเวลาทำงานส่วนนี้ได้มหาศาล พอเรามีเวลามากขึ้น เราก็สามารถเอาเวลาส่วนนี้ไปสร้าง Productivity ไปพัฒนาระบบ คิดค้นสิ่งใหม่ ๆ หรือหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อขยายความเชี่ยวชาญได้

ทักษะสำคัญในยุค AI: เมื่อ Passion นำทาง Practice

ผมว่า Passion คือสิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้เราอยากเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ พอผมชอบเรื่องเทคฯ พอมี ChatGPT หรือ Midjourney มา ผมก็รีบเข้าไปลองเล่น ลองใช้งาน ทำให้เราคุ้นเคยกับ AI Literacy และต่อยอดการเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ไม่เบื่อ

องค์กรเองก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้เราได้ต่อยอด Passion ไปสู่ Practice ที่สร้าง Productivity ให้กับหน้างาน อย่างที่ SCGC เองก็เปิดกว้างและสนับสนุนพนักงานให้ใช้ AI กันอย่างเต็มที่ องค์กรโฟกัสให้พนักงานเก่งขึ้นผ่านโครงการ AILY

โดย AI จะทำสองเรื่องคือ Automation (ทำให้กระบวนการทำงานเร็วขึ้น) และ Augmentation (ทำให้พนักงานขยับจาก Junior เป็น Senior และจาก Senior เป็น Expert ได้เร็วขึ้น) เป็นการเทรนให้ทุกคนมองภาพจาก Workflow ไปสู่ Data Flow เพื่อสร้างอิมแพ็คให้องค์กรได้อย่างยั่งยืน

เคส 'เบิกเนตร': เมื่อ AI พลิกงานทีมกฎหมาย

มีโปรเจกต์หนึ่งที่ต้องทำงานกับทีมกฎหมาย ก่อนมี AI พวกเขาต้องนั่งอ่านเอกสารทางกฎหมายวันละเป็นร้อยเป็นพันฉบับ ซึ่งกินเวลามาก พอผมเข้าไปช่วยเขาให้รู้จักกับ AI มันเหมือนกับการไป ‘เบิกเนตร’ ให้เลย

พอ AI ช่วยรวบรวมข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องและทำสรุปสาระสำคัญให้ ทางทีมก็ลดเวลาในขั้นตอนนี้ลงไปได้มาก จากจุดนี้เอง ทำให้ผมเข้าใจว่าแม้องค์กรจะเปิดกว้าง แต่ถ้าขาดคนที่เข้ามาช่วยผลักดันให้เกิดการใช้งานจริง การเริ่มต้นกันเองก็อาจจะไปได้ช้า หรือถึงขั้นต่อต้าน เพราะไม่รู้จะเริ่มอย่างไร

คำแนะนำถึงคนทำงาน: จาก Workflow สู่ Data Flow

ผมยังเชื่อมั่นว่า วิจารณญาณของคน (Human Judgment) ยังเป็นเรื่องสำคัญที่สุด แม้ AI จะเก่งแค่ไหน แต่ทำไมบริษัทระดับโลกที่เข้าถึง AI เหมือนกัน ถึงตัดสินใจเลือกโซลูชันต่างกัน ? นั่นละคือสุดท้ายแล้ว มนุษย์เราก็ยังอยู่เหนือ AI ไปหนึ่งขั้น

อีกข้อที่อยากฝากไว้คือ ยิ่งเราทำงานกับ AI ชำนาญขึ้น เรายิ่งต้องมองภาพรวมทั้งหมดให้เป็น Data Flow ส่วนใหญ่เรามักคิดทุกอย่างเป็น Workflow (ขั้นตอนนี้เริ่มยังไง ระหว่างทางมีอะไร จบอย่างไร) แต่พอทำงานกับ AI เราต้องมองให้เป็น Data Flow (จากจุดที่หนึ่ง ชุดข้อมูลแบบไหนจะเข้ามา แล้วจะถูกทำเป็นอะไรต่อ) ที่ต้องมองแบบนี้ เพราะ AI แต่ละตัวก็เก่งคนละแบบ ถ้าเรามองจุดนี้ขาด ก็จะทำให้เลือก AI มาใช้ได้ตรงกับหน้างานและมีประสิทธิภาพสูงสุด

การเดินทางของคุณ ‘ตา รวินทร์ศักดิ์ ตติคุณ’ Assistant Manager - Rapid Application Development สะท้อนให้เห็นว่า การขับเคลื่อน AI ในองค์กรไม่ได้มาจากเทคโนโลยีเท่านั้น แต่มาจาก ‘คน’ ที่มีความมุ่งมั่นและวิจารณญาณ SCGC และโครงการ AILY ได้สร้างพื้นที่ให้พนักงานเปลี่ยนความอยากรู้ส่วนตัวให้กลายเป็น Practice ที่สร้างผลเชิงบวกให้กับองค์กรได้จริง และนี่คือหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่องค์กรอัจฉริยะซึ่ง AI เป็นเครื่องมือช่วยทีมงานในการตัดสินใจทางธุรกิจที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

Is this article useful ?