close

12 พ.ย. 2568

“พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า” จากพระราชปณิธานอันแน่วแน่ สู่แรงบันดาลใจในการดูแลสิ่งแวดล้อมของพสกนิกรไทย

Sustainability CSR

หากเรามองย้อนกลับไป ในยุคที่ความยั่งยืนไม่ใช่ประเด็นหลักของสังคมเทียบเท่ากับการพัฒนาประเทศ หลายคนอาจยังนึกไม่ออกว่า การพัฒนาอย่างยั่งยืนมีแนวทางอย่างไรนอกเหนือไปจากการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับประชาชน ทว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง กลับทรงเล็งเห็น ด้วยพระวิสัยทัศน์อันกว้างไกล พระองค์ไม่เพียงส่งเสริมอาชีพให้กับชาวบ้านผู้ยากไร้ หากแต่ยังส่งเสริมให้คนอยู่กับป่า พึ่งพาธรรมชาติ และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อให้ทุกชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างเกื้อกูล

พระราชปณิธาน ด้านการดูแลรักษาป่า

เป็นที่ทราบกันดีว่า ตลอดรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระองค์ท่านได้เสด็จพระราชดำเนินไปยังทุกที่บนแผ่นดินไทย เพื่อวางรากฐาน สร้างคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนของพระองค์ โดยเฉพาะโครงการด้านการบริหารจัดการน้ำ อันเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนา ดังที่เราจะได้เห็นจากโครงการตามพระราชดำรินับพันโครงการทั่วประเทศ

จากน้ำพระทัยของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศ มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ไหลผ่านผืนแผ่นดินไทย นำพาความชุ่มชื้นหัวใจแก่ราษฎร ได้ต่อยอดมาสู่พระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการพลิกฟื้นผืนป่า และอนุรักษ์พันธุ์พืชและสัตว์ พระราชกรณียกิจของพระองค์แผ่ขยายออกไป ราวกับสายน้ำและผืนดินที่กว้างใหญ่ไพศาล

ความตอนหนึ่งจากบทความ “ทรงพิทักษ์รักษาสรรพสิ่ง” ที่เรียบเรียงโดยหน่วยราชการในพระองค์ ได้กล่าวถึงพระราชกรณียกิจและความสนพระทัยในป่าไม้ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ความว่า

“ระหว่างที่เสด็จแปรพระราชฐานไปประทับแรม ณ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ จังหวัดเชียงใหม่นั้น หากทรงว่างพระราชกิจ ตกบ่าย ๆ จะทรงพระราชดำเนินไปตามทางเท้าขึ้นเขาเข้าป่าไปเสมอ ถ้าทรงพบว่ามีคนทิ้งก้นบุหรี่ลงบนกองใบไม้แห้ง และไฟกำลังคุขึ้น จะทรงตำหนิและรับสั่งกับข้าราชบริพารว่าไม่ควรทิ้งเชื้อไฟลงในป่า เพราะใบไม้แห้งเป็นเชื้อไฟอย่างดี หากเกิดไฟไหม้ ไฟจะลุกลามไปอย่างรวดเร็วทำให้ดับยาก และจะก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นได้อย่างมากมาย สัตว์ป่าจะแตกตื่นและอาจจะตายในกองไฟได้”

จากการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ทุรกันดาร พระองค์ไม่เพียงทอดพระเนตรเห็นความยากลำบากของราษฎร แต่ยังทรงพบว่าราษฎรในพื้นที่ห่างไกลต่างต้องอาศัยประโยชน์จากผืนป่าในการดำรงชีวิตเพราะไม่มีที่ดินทำกินอันอุดมสมบูรณ์ บ้างก็ทำไร่เลื่อนลอย บุกรุกพื้นที่ป่า ทำลายธรรมชาติและแหล่งต้นน้ำ ดังนั้น การจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างยั่งยืนก็คือการสนับสนุนให้ราษฎรสามารถอยู่ร่วมกับป่าได้ และเป็นที่มาของโครงการในพระราชดำริเกี่ยวกับป่าไม้ในเวลาต่อมา

“ป่ารักน้ำ” สานต่อพระราชกรณียกิจของพ่อหลวง รัชกาลที่ 9

“พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า ป่าที่ถวายความจงรักภักดีต่อน้ำ

พระเจ้าอยู่หัวสร้างอ่างเก็บน้ำ ฉันจะสร้างป่า"

(พระราชดำรัส สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

พระราชทานแก่ราษฎร บ้านถ้ำติ้ว อ. ส่องดาว จ. สกลนคร เมื่อ 20 ธันวาคม พ.ศ.2525)

พระราชดำรัสนี้สะท้อนให้เห็นถึงพระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงในการที่จะต่อยอดพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อเติมเต็มความสมบูรณ์ของป่าไม้ ให้คนอยู่ร่วมกับธรรมชาติ อันจะนำมาซึ่งรากฐานของการพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จึงทรงริเริ่มโครงการป่ารักน้ำขึ้นเป็นครั้งแรกที่จังหวัดสกลนคร เมื่อพุทธศักราช 2525 โปรดเกล้าฯ ให้สำรวจหาพื้นที่รกร้างหรือป่าที่เสื่อมโทรม เพื่อปลูกต้นไม้นานาพันธุ์ลงในพื้นที่นั้น ๆ โดยประกอบด้วยไม้โตเร็ว  เช่น กระถินยักษ์ ยูคาลิปตัส ไม้เศรษฐกิจ เช่น ไม้สัก ไม้แดง ไม้เต็งรัง รวมทั้งไม้ใช้สอย เช่น ไม้ไผ่ แคบ้าน และกระถิน เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ เพื่อดูแลฟื้นฟูป่าไม้ และทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาตามแนวพระราชดำริอีกหลายแห่ง เพื่อส่งเสริมให้ชาวบ้านได้เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับธรรมชาติ ด้วยการทำการเกษตรแบบอนุรักษ์ดินและน้ำ แทนที่การแผ้วถางป่าแบบเดิม

“บ้านเล็กในป่าใหญ่” น้ำพระทัยที่แผ่ขยายสู่ราษฎร

ด้วยพระวิริยอุตสาหะและพระราชปณิธานอันมุ่งมั่นในการรักษาป่าไม้ ทำให้โครงการในพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เกิดขึ้นอีกมากมาย ด้วยทรงมีพระราชประสงค์ให้ราษฎรสามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติ เลี้ยงปากท้อง และดูแลผืนป่าไปพร้อม ๆ กัน เป็นที่มาของโครงการ “บ้านเล็กในป่าใหญ่” ซึ่งจัดตั้งขึ้นที่แรก ณ บ้านห้วยไม้หก อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ในปี พ.ศ. 2534

วัตถุประสงค์หลักของโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ก็คือ การส่งเสริมให้ประชาชนที่อยู่ห่างไกลมีที่ทำกินเป็นหลักแหล่ง พร้อมกับทำหน้าที่พิทักษ์ป่า ร่วมเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่ในการป้องกันการบุกรุกทำลายป่า อีกทั้งพระองค์ท่านยังช่วยส่งเสริมอาชีพเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ก่อนจะต่อยอดขยายโครงการไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ

โครงการในพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ล้วนเกิดขึ้นโดยมีหัวใจหลักคือการพัฒนาอย่างยั่งยืนและรอบด้าน ผ่านการบูรณาการทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคมวัฒนธรรม และเศรษฐกิจ กล่าวคือ ให้ชาวบ้านอยู่กับธรรมชาติ ร่วมดูแลผืนป่าในถิ่นที่อยู่ ก่อเกิดเป็นสังคมที่มีความเข้มแข็ง เป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ทุกครัวเรือนมีอาชีพ มีรายได้เลี้ยงปากท้อง

แม้เวลาจะล่วงเลย แต่พระราชปณิธานอันแน่วแน่ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ยังคงปรากฎให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ในรูปของความผาสุกแห่งอาณาประชาราษฎร์ ในภาพของผืนป่าอันกว้างใหญ่ และในหัวใจของพสกนิกรไทยเสมอมา พระองค์ท่านไม่เพียงแต่ปลูกเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความยั่งยืนให้แก่แผ่นดิน แต่ยังทรงปลูกฝังจิตสำนึกรักสิ่งแวดล้อมให้หยั่งรากลึกลงในวิถีชีวิตของผู้คน


Is this article useful ?