SCGC มุ่งมั่นในการเป็นผู้นำทางธุรกิจในภูมิภาคด้วยการสร้างสรรค์นวัตกรรม ควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ด้วยการกำหนดกลยุทธ์และแผนงานทางธุรกิจ การพัฒนาสินค้า บริการ และโซลูชั่น ที่คำนึงถึงประเด็นสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการบริหารจัดการและถ่ายทอดองค์ความรู้ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมให้แก่ทุกภาคส่วนตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจ โดยมุ่งพัฒนาและขยายแนวทางการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมให้มีมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล
กระบวนการบริหารสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน
ระบบบริหารสิ่งแวดล้อม
SCGC กำหนดนโยบายและระบบบริหารด้านสิ่งแวดล้อมแบบบูรณาการมุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมีแนวทางในการบริหารจัดการ ติดตาม ทบทวน ปรับปรุง และเปิดเผยผลการกำกับดูแลด้านสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการบริหารความเสี่ยงที่ครอบคลุมด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม รวมถึงการสร้างความร่วมมือร่วมกับคู่ธุรกิจและผู้ให้บริการ ในการยกระดับประสิทธิภาพในการทำงาน เพื่อผลสำเร็จในการสร้างคุณค่าร่วมกันในระยะยาวในทุกมิติ ตั้งแต่การออกแบบ การจัดซื้อจัดหา การผลิตสินค้า บริการ และโซลูชั่น การกระจายสินค้าและโลจิสติกส์ จนถึงการจัดการของเสียและสินค้าหลังการใช้งานตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน
แนวทางการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน
SCGC ยึดมั่นในการปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับ และมาตรฐานทั้งในระดับประเทศและระดับสากลอย่างเคร่งครัด เพื่อจัดการประเด็นด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมครอบคลุมถึงการป้องกันผลกระทบจากก๊าซเรือนกระจก ของเสีย มลพิษทางน้ำ มลพิษทางอากาศและกลิ่น โดยส่งเสริมการใช้น้ำ พลังงานและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนความหลากหลายทางชีวภาพ จากความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับข้อกำหนด กฎหมายที่เกี่ยวข้องเป็นสำคัญ ส่งผลให้ในปี 2564 SCGC ไม่มีกรณีละเมิดหรือผิดกฎหมายและข้อบังคับทางด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อให้มั่นใจว่า SCGC มีแนวทางปฏิบัติ และการบริหารจัดการด้านคุณภาพ สิ่งแวดล้อม และความปลอดภัยที่อย่างเป็นระบบ SCGC จึงได้ขอการรับรองโรงงานในกลุ่มของบริษัทฯ ตามมาตรฐานระดับนานาชาติ เช่น มาตรฐานระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม (ISO 14001 – Environmental Management System) มาตรฐานระบบการจัดการแบบบูรณาการ (Integrated Management System; IMS) มาตรฐานระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย (OHSAS/TIS 18001 – Occupational, Health and Safety Management System) มาตรฐานระบบการจัดการพลังงาน (ISO50001 – Energy Management System) มาตรฐานการจัดการก๊าซเรือนกระจก (ISO 14064 – Greenhouse Gases) และมาตรฐานระบบบริหารงานคุณภาพ (ISO 9001 – Quality Management System)
นอกจากนี้ SCGC จัดให้มีโครงการตรวจประเมินประสิทธิผลด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Performance Assessment Program : EPAP) โดยดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2544 ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในผลการดำเนินงานสิ่งแวดล้อม
การบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน
SCGC ตระหนักว่า น้ำเป็นทรัพยากรที่สำคัญต่อทุกภาคส่วน ซึ่งอาจมีความต้องการใช้น้ำที่มากขึ้นจากการเติบโตของสังคมและเศรษฐกิจ รวมถึงอาจมีความเสี่ยงจากสภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลถึงปริมาณและคุณภาพน้ำ ด้วยเหตุนี้ SCGC ได้จัดให้มีการดำเนินการบริหารจัดการน้ำภายในองค์กรผ่านคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม (Corporate Environment) พร้อมทั้งร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก โดย บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด ได้ร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ดำเนินมาตรการเตรียมความพร้อมตอบสนองต่อภัยแล้ง ประกอบด้วยการติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ตลอดจนผลักดันโครงการการบริหารจัดการน้ำให้มีเพียงพอกับทุกภาคส่วน
กลยุทธ์การบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน
SCGC ได้บูรณาการเครื่องมือประเมินความเสี่ยงด้านน้ำ (AQUEDUCT ของ WRI) ร่วมกับผู้มีส่วนได้เสีย และกลุ่มอุตสาหกรรมในการกำหนดแผน และการบริหารจัดการน้ำ รวมทั้งปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้น้ำภายในกระบวนการผลิต โดยมีกลยุทธ์ ดังนี้
- ลดความเสี่ยงด้านน้ำด้วยการบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ
- ลดการใช้น้ำด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำในกระบวนการผลิตและสินค้า
- บำบัดน้ำทิ้งให้ได้คุณภาพตามมาตรฐานกำหนด ติดตามปริมาณและคุณภาพ รายงานอุบัติการณ์ สอบสวนสาเหตุ แก้ไข และกำหนดเป้าหมายลดการปล่อยน้ำทิ้งออกสู่ภายนอกให้มากที่สุด
- นำน้ำเสียผ่านการบำบัดกลับมาใช้งาน
- ฟื้นฟูระบบนิเวศที่เกี่ยวข้องกับแหล่งน้ำ และสนับสนุนน้ำให้ชุมชนและเกษตรกรรม
- พัฒนาความสามารถของบุคลากรที่ปฏิบัติงานด้านน้ำ
กลุ่มผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องเพื่อบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกและเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ต่อเนื่องจากสถานการณ์ภัยแล้งในปี 2563 โดยเตรียมแผนระยะยาวสำหรับอนาคต เช่น การจัดสร้างแหล่งน้ำ เพิ่มเติม การผันน้ำจากแหล่งน้ำ ฯลฯ และ พัฒนาเทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพการติดตามสถานการณ์น้ำ รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับชาวลุ่มน้ำวังโตนด โดยสนับสนุนโครงการระบบบำบัดน้ำเสียชุมชนที่เทศบาลตำบลหนองคล้า อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียแบบบึงประดิษฐ์ (Constructed Wetland) เพื่อบำบัดน้ำเสียจากชุมชน 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวันก่อนปล่อยสู่คลองวังโตนดซึ่งเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติสำคัญที่ช่วยสร้างความมั่นคงด้านน้ำ (Water Security) ให้ภาคตะวันออก
การบริหารของเสียอย่างยั่งยืน
SCGC มุ่งมั่นในการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการของเสียและดำเนินโครงการด้านการบริหารจัดการของเสียต่าง ๆ เพื่อใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าสูงสุด โดยใช้หลัก 3Rs ซึ่งประกอบไปด้วย Reduce (การลดการใช้หรือใช้น้อยเท่าที่จำเป็น) Reuse (การใช้ซ้ำ) Recycle (การแปรรูปมาใช้ใหม่) และการมุ่งค้นคว้าในการใช้ประโยชน์ของเสียแบบพึ่งพา (waste symbiosis) ซึ่งเป็นการนำของเสียจากที่หนึ่งไปใช้ประโยชน์อีกที่หนึ่ง รวมถึงนำหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาใช้เป็นแนวทางในการต่อยอดการจัดการของเสียอย่างครบวงจรอีกด้วย
กระบวนการจัดการของเสีย
จากการดำเนินงานที่SCGC ประสบความสำเร็จในการดำเนินการตามนโยบายส่งของเสียฝังกลบมาอย่างต่อเนื่อง SCGC ยังมุ่งเน้นการวิจัย พัฒนา
ปรับปรุงและสร้างความร่วมมือในการนำของเสียกลับมาใช้ประโยชน์ อาทิเช่น
- การนำ liquid polymer และ oily water ที่เกิดจากการล้าง heat exchanger กลับเข้าระบบเพื่อใช้ในกระบวนการผลิตอีกครั้งหนึ่ง
- การลดปริมาณการใช้ catalyst โดยการนำกลับมาใช้ใหม่ ด้วยกระบวนการ reuse ร่วมกับ catalyst ตัวใหม่ที่ให้ประสิทธิภาพสูงและคงคุณค่าของผลิตภัณฑ์ที่ดีดังเดิม
- การนำพาเลทชำรุด มาแปรรูปกลับมาเป็นเม็ดพลาสติก ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตพาเลตหมุนเวียนใหม่ทดแทน
ในปี 2564 SCGC สามารถดำเนินโครงการลดการเกิดของเสียจากกระบวนการผลิตเป็นปริมาณทั้งสิ้น 1,122 ตัน คิดเป็นปริมาณของเสียอันตราย 423 ตัน และปริมาณของเสียไม่อันตราย 699 ตัน
การบริหารจัดการคุณภาพอากาศอย่างยั่งยืน
SCGC มีความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมด้านอากาศจากกระบวนการผลิต เพื่อให้มั่นใจว่าคุณภาพอากาศที่ระบายออกสู่สิ่งแวดล้อมเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานอยู่ตลอดเวลา
โดยการจัดทำแผนการจัดการคุณภาพอากาศเชิงรุกทั้งภายในพื้นที่โรงงานและบริเวณพื้นที่ชุมชนโดยรอบ รวมถึงได้เลือกนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้ตั้งแต่ออกแบบโรงงาน
และวิจัยพัฒนาปรับปรุงระบบควบคุมคุณภาพอากาศของSCGC ให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
การบริหารจัดการคุณภาพอากาศ
SCGC ให้ความสำคัญกับการจัดการคุณภาพอากาศทั้งภายในสถานประกอบการและชุมชนรอบข้าง โดยการควบคุมการระบายมลสารทางอากาศให้เป็นไปตามมาตรการรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด
นอกจากการดำเนินการภายในกิจการของSCGC เองแล้ว SCGC ยังมุ่งเน้นการดำเนินการเพื่อชุมชนและสังคมส่วนรวมเป็นสำคัญ จึงได้ร่วมมือกับกลุ่มปิโตรเคมี สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
ริเริ่มการดำเนินโครงการนำร่องสำหรับจัดการการระบายไอสารเบนซีนและ 1,3-บิวทาไดอีน (1,3-Butadiene) โดยใช้มาตรการ CoP (Code of Practice) เพื่อช่วยแก้ปัญหาการระบายไอสารเบนซีนและ
1,3-บิวทาไดอีน (1,3-Butadiene) ในพื้นที่มาบตาพุด โดยการขับเคลื่อนผู้ประกอบการในพื้นที่ 5 นิคมอุตสาหกรรม และ 1 ท่าเรือ ตั้งแต่ปี 2561 และดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อติดตาม เฝ้าระวัง /และวิเคราะห์ผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ และนำไปสู่การกำหนดมาตรการควบคุม ปรับปรุง อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้คุณภาพอากาศในบรรยากาศทั่วไปที่ตรวจวัดโดยกรมควบคุมมลพิษมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
SCGC มุ่งเน้นการลดผลกระทบจากการปล่อยมลพิษทางอากาศ โดยมุ่งสู่การควบคุมให้เป็นระบบปิด และติดตั้งหอเผาทิ้งระดับพื้นที่ (ground flare) เป็นแห่งแรกในพื้นที่มาบตาพุด นอกจากนี้
ยังมุ่งเน้นการลดการฟุ้งกระจายและการรั่วซึมของสารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) จากกระบวนการผลิตด้วยการตรวจสอบ และซ่อมบำรุงเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอ
ด้วยความตระหนักถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางคุณภาพอากาศ SCGC จึงได้มุ่งเน้นดำเนินโครงการจัดการคุณภาพอากาศครอบคลุมทุกกิจกรรมของSCGC ทั้งในช่วงการดำเนินธุรกิจปกติและช่วงหยุดซ่อมบำรุง
รวมถึงการใช้มาตรการหยุดซ่อมบำรุงสีเขียว (Green Turnaround) เพื่อควบคุมคุณภาพอากาศให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน