HVA ย่อมาจากอะไร?
HVA ย่อมาจาก High Value Added Products and Services คือ กลยุทธ์การผลิตสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม ด้วยการสร้างโอกาสทางธุรกิจจากการไม่หยุดคิดค้นพัฒนาสินค้าและบริการ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่ไม่สิ้นสุดของผู้คน ซึ่งเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งจากเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ที่ทำให้เทรนด์ด้านพลังงานเปลี่ยนไป ตลอดจนความใส่ใจในความยั่งยืน เหล่านี้ถือเป็นความท้าทาย ขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสในการเติบโตของธุรกิจ
การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการ
บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC มีกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยการพัฒนาสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง หรือ High Value Added Products & Services (HVA) เพื่อตอบสนองอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับเมกะเทรนด์ และมีแนวโน้มเติบโตอย่างมากในอนาคต SCGC มีทีมนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีทั้งในและต่างประเทศกว่า 560 คน* มีเครือข่ายและพันธมิตรด้านนวัตกรรมกับองค์กรชั้นนำระดับโลก เพื่อช่วยต่อยอดงานวิจัยไปสู่นวัตกรรมเชิงพาณิชย์ได้อย่างรวดเร็ว ในช่วงปี 2562 - 2564 SCGC ได้ทุ่มงบปีละกว่าพันล้านบาทเพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทำให้ปัจจุบัน SCGC มีสิทธิบัตรรวมกว่า 473 รายการ* และในปี 2564 SCGC มีสัดส่วนรายได้จากการขายสินค้า HVA อยู่ที่ 35.8% ของรายได้จากการขายทั้งหมด (* ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564)
เป้าหมายการพัฒนาสินค้าเพิ่มมูลค่า
สินค้าและบริการมูลค่าเพิ่มสูง หรือ HVA ที่ SCGC พัฒนาขึ้นมา มีเป้าหมายเพื่อตอบรับเมกะเทรนด์ 5 ด้านที่กำลังมาแรง และคาดว่าจะเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่เติบโตได้อีกมากในอนาคต ไม่ว่าจะเป็น การใช้บรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นจากการเติบโตของบริการจัดส่งอาหาร และเทรนด์การใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เทรนด์การดูแลสุขภาพและการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ เทรนด์ยานยนต์ประหยัดพลังงาน เทรนด์การเติบโตของเมืองและโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งเทรนด์การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานไปสู่พลังงานสะอาด เมกะเทรนด์เหล่านี้คือโจทย์ตั้งต้นของการสร้างสรรค์นวัตกรรม เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงออกสู่ตลาด สร้างการเติบโตของรายได้ให้กับ SCGC และมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับทุกคน
พลาสติกเพิ่มมูลค่าเพื่อสิ่งแวดล้อม
จากความต้องการใช้งานบรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการหันมาใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมของผู้บริโภค ทำให้ SCGC เร่งคิดค้นนวัตกรรมพลาสติกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือ Green Polymer โดยตั้งเป้าเพิ่มปริมาณการขายให้ได้ 1 ล้านตันต่อปี ภายในปี 2573 โซลูชันในกลุ่ม Green Polymer ของ SCGC ครอบคลุมมิติด้านการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าใน 4 ด้าน คือ (1) REDUCE : ลดการใช้เม็ดพลาสติก แต่ไม่ลดคุณภาพ ด้วย SMX™ Technology นวัตกรรมที่ทำให้สามารถผลิตเม็ดพลาสติกคุณภาพสูงที่มีความแข็งแรงมากขึ้น 2) RECYCLABLE : การออกแบบเพื่อให้รีไซเคิลได้ ด้วย Recyclable Packaging Solution บรรจุภัณฑ์ที่ใช้พลาสติกประเภท PE PP หรือ PO เพียงอย่างเดียวทั้งชิ้นงาน เพื่อเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัว (flexible packaging) ให้สามารถรีไซเคิลได้ง่าย แทนการใช้ถุงบรรจุภัณฑ์ที่มีหลายวัสดุประกอบกัน (3) RECYCLE : นำพลาสติกใช้แล้วมารีไซเคิล ปรับปรุงคุณสมบัติด้วยสูตรเฉพาะของ SCGC กลายเป็นเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง (High Quality PCR) รวมถึงการนำพลาสติกที่ยากต่อการรีไซเคิล มาผ่านกระบวนการ Advanced Recycling กลับมาเป็นวัตถุดิบตั้งต้น (Feedstock) เพื่อนำมาผลิตเม็ดพลาสติกใหม่ (Virgin Plastic) และ (4) RENEWABLE พัฒนาพลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ และพลาสติกจากทรัพยากรหมุนเวียน
พลาสติกเพิ่มมูลค่าสำหรับชิ้นส่วนยานยนต์น้ำหนักเบา
ภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์มีแนวโน้มต้องการใช้ชิ้นส่วนจากพลาสติกมากขึ้น เพราะมีจุดเด่นเรื่องน้ำหนักเบา ทำให้ลดการใช้พลังงานในการขับเคลื่อน โดยเฉพาะในยานยนต์ไฟฟ้า เมกะเทรนด์ที่กำลังมาแรงขณะนี้ การใช้ชิ้นส่วนยานยนต์น้ำหนักเบาจะยิ่งช่วยเพิ่มสมรรถนะของรถให้ดียิ่งขึ้น ซึ่ง SCGC ก็ไม่หยุดยั้งพัฒนานวัตกรรมพลาสติกสำหรับชิ้นส่วนยานยนต์น้ำหนักเบาที่มีความแข็งแรง รับแรงกระแทกได้ดี (High Impact) คงรูปได้ดี (High Stiffness) และได้มาตรฐานความปลอดภัยสำหรับผู้ขับขี่ ซึ่งการสร้างสรรค์นวัตกรรมพลาสติกสำหรับยานยนต์มีความท้าทายอย่างมากในแง่ของการขึ้นรูปชิ้นงาน โดยเฉพาะชิ้นงานขนาดใหญ่ ต้องเพิ่มคุณสมบัติของการไหลตัวที่ดี เพื่อให้เกิดความสวยงาม ขณะเดียวกันก็ต้องควบคุมให้คุณสมบัติด้านอื่น ๆ ของเม็ดพลาสติกยังคงประสิทธิภาพที่ดีเช่นเดิม จึงทำให้นวัตกรรมพลาสติกของ SCGC มีคุณสมบัติที่โดดเด่น และเป็นที่ต้องการของผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำ
พลาสติกเพิ่มมูลค่าเพื่อการแพทย์
จากวิกฤติโควิด 19 และการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ในหลายประเทศ กลายเป็นเทรนด์ที่ทำให้ผู้คนทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น สินค้าและบริการด้านสุขภาพเป็นที่ต้องการของตลาด และเป็นธุรกิจที่กำลังเติบโต SCGC จึงได้พัฒนาเม็ดพลาสติก SCGC™ PP Medical สำหรับใช้ในอุปกรณ์การแพทย์และเภสัชกรรมโดยเฉพาะ ที่ได้มาตรฐานสากล สามารถผ่านกรรมวิธีฆ่าเชื้อ (Sterilization) หลายกรรมวิธี และเม็ดพลาสติก PVC สำหรับอุปกรณ์ทางการแพทย์ สามารถนำไปขึ้นรูปได้ง่าย และสามารถสัมผัสอาหารและน้ำดื่มได้อย่างปลอดภัย อาทิ กระบอกเข็มฉีดยา ถุงและสายน้ำเกลือ ชุดให้อาหารทางสายยาง ไม่เพียงเท่านี้ SCGC ยังใช้ความเชี่ยวชาญด้านวัสดุศาสตร์และการออกแบบเชิงวิศวกรรม พัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ร่วมกับลูกค้า เพื่อให้ได้สินค้าที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง ไม่ว่าจะเป็น รถเข็นผู้ป่วยอัจฉริยะ (Smart Transfer Wheelchair) ที่ออกแบบให้ใช้งานง่ายขึ้น รถเข็นจ่ายยาอัจฉริยะ (Smart Mobile Medication Cart) ที่ช่วยดูแลผู้ป่วยอย่างปลอดภัย ลดข้อผิดพลาดในการปฏิบัติงานของบุคลากร รวมทั้งหน้ากากอนามัยสามมิติสำหรับชีวิตวิถีใหม่ ภายใต้แบรนด์ วาโรการ์ด (VAROGARD) ที่ช่วยป้องกันไวรัส แบคทีเรีย และฝุ่น PM2.5
พลาสติกเพิ่มมูลค่าสำหรับงานโครงสร้างพื้นฐาน
การขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคต้องเร่งขยายตัวเพื่อรองรับการใช้งานของผู้คนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งนวัตกรรมพลาสติกก็ถูกนำมาใช้ในงานโครงสร้างพื้นฐานอย่างกว้างขวาง เพราะสามารถปรับปรุงคุณสมบัติให้ใช้งานได้ดี และมีความทนทานเหมาะกับการใช้ในงานขนาดใหญ่ ตัวอย่างนวัตกรรมพลาสติกสำหรับงานโครงสร้างพื้นฐานของ SCGC ได้แก่ นวัตกรรมพลาสติก PE และ PVC สำหรับหุ้มสายไฟฟ้าและสายสื่อสาร นวัตกรรมพลาสติกหุ้มสายเคเบิลป้องกันการลามไฟ นวัตกรรมพลาสติก PE112 สำหรับผลิตท่อส่งน้ำขนาดใหญ่ ท่อส่งก๊าซ ท่อเหมือง ซึ่ง SCGC เป็นผู้ผลิตเม็ดพลาสติก PE112 เม็ดพลาสติกพอลิเอทิลีนคอมพาวนด์สีดำรายแรกของโลก (จากการจด European Patent ปี 2561) สามารถทนแรงดันได้มากกว่าเม็ดพลาสติก PE100 ที่ใช้ทั่วไปในตลาดถึง 10% เป็นทางเลือกที่เหนือกว่าสำหรับการใช้งานโครงสร้างพื้นฐาน
โซลูชันสร้างมูลค่าด้านพลังงานทดแทน
จากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ทำให้ทั่วโลกต่างทันมาให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานทางเลือกในชีวิตประจำวันมากขึ้น โดยพลังงานแสงอาทิตย์เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์การใช้งานอย่างมาก โดยเฉพาะในประเทศไทย เพราะสามารถผลิตพลังงานได้ตลอดทั้งปี และแผงโซลาเซลล์ก็ใช้งานได้สะดวก สามารถติดตั้งได้ทั้งบนพื้นดิน หลังคาบ้าน และเหนือผิวน้ำ ซึ่ง SCGC ได้ริเริ่มพัฒนานวัตกรรมทุ่นลอยน้ำสำหรับติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ได้เป็นรายแรกในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2560 ก่อนจะขยายเข้าสู่ธุรกิจโซลาร์ฟาร์มลอยน้ำแบบครบวงจร หรือ SCGC Floating Solar Solutions ด้วยจุดเด่นที่มีความคงทนแข็งแรง มีแรงลอยตัวดี ผลิตจากพลาสติก HDPE ทำให้ทนทานต่อแสง UV สามารถใช้งานได้นานกว่า 25 ปี และไม่เป็นอันตรายต่อระบบนิเวศในน้ำ
ทั้งหมดนี้คือนวัตกรรมสินค้าและบริการมูลค่าเพิ่มสูง หรือ HVA ที่ SCGC ใช้เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ สู่การเป็นผู้นำนวัตกรรมเคมีภัณฑ์ครบวงจรเพื่อความยั่งยืนในระดับภูมิภาค เป็นนวัตกรรมที่ช่วยสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้คน ดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม และตอบโจทย์การเติบโตของธุรกิจ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สนใจรายละเอียดสินค้าเคมีภัณฑ์เพิ่มเติม คลิก
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------