ทุกวันนี้โลกของเรากำลังเผชิญปัญหารอบด้านที่ส่งผลกระทบต่อทุกชีวิต ไม่ว่าจะเป็นวิกฤติพลังงาน มลภาวะทางอากาศ และก๊าซเรือนกระจก ที่นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เหล่านี้ทำให้มนุษย์ต้องเร่งพัฒนานวัตกรรมขึ้นมา เพื่อปรับปรุงรูปแบบการดำเนินชีวิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสู่การสร้างคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
จากราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น และปัญหามลพิษทางอากาศที่เรื้อรังมาอย่างยาวนาน ขณะนี้โลกเรากำลังมีทางเลือกใหม่ นั่นคือการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า
ยานยนต์ไฟฟ้า จากเมกะเทรนด์สู่พาหนะแห่งอนาคต
รถยนต์ไฟฟ้าคือคำตอบที่หลายประเทศเลือกเพื่อเยียวยาปัญหาโลกร้อนและวิกฤติพลังงาน ตามรายงานของสำนักงานพลังงานสากล หรือ International Energy Agency ระบุถึงจำนวนรถยนต์ไฟฟ้า (ไม่รวมรถไฟฟ้า 2 ล้อ และ 3 ล้อ) บนท้องถนนว่า มีแนวโน้มเพิ่มเป็น 145 ล้านคันภายในปี 2030 แต่หากภาครัฐฯ ของประเทศต่าง ๆ ส่งเสริมอย่างจริงจัง ก็อาจเพิ่มถึง 230 ล้านคันภายในระยะเวลาราว 10 ปี ซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้มีหลายประเทศที่ต้องการบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยลดจำนวนการใช้รถยนต์ที่มีการสันดาปภายในแบบเดิม ๆ ยกตัวอย่างกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป (EU) เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ที่ผ่านมา ได้มีการเห็นชอบร่างกฎหมายยกเลิกการจำหน่ายรถยนต์เผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลที่ผลิตขึ้นใหม่ นับตั้งแต่ปี 2035 เป็นต้นไป หันมาสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าและพลังงานสะอาด เพื่อลดก๊าซเรือนกระจกลง 55% ภายในปี 2030 จากปีฐาน 1990
อนาคตรถยนต์ไฟฟ้าในไทย
ส่วนในบ้านเรา เมื่อวันที่ 15 ก.พ. คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเรื่องภาษีและเงินสนับสนุน เพื่อช่วยให้ราคารถยนต์ไฟฟ้าถูกลง เป็นการจูงใจให้ผู้บริโภคหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น โดยคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติได้กำหนดเป้าหมาย “30/30” คือเร่งผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ 30% ของการผลิตยานยนต์ภายในประเทศ ภายในปี 2030 ซึ่งแบ่งเป็นรถยนต์นั่งไฟฟ้าและรถกระบะไฟฟ้า 725,000 คัน และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า 675,000 คัน
จากแนวโน้มการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้าในหลายประเทศ Robeco บริษัทบริหารสินทรัพย์จากเนเธอร์แลนด์ประเมินว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 30-40% ของยอดขายรถยนต์ใหม่ในปี 2030 จากเดิมที่ 2.5% ในปี 2019 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นออกสู่ตลาดของรถยนต์ไฟฟ้า จึงกล่าวได้ว่ายานยนต์ไฟฟ้าคือเมกะเทรนด์ที่น่าจับตามอง ทั้งยังส่งผลให้นักลงทุนทั่วโลกสนใจลงทุนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า เช่น แผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ สถานีชาร์จไฟ และชิ้นส่วนรถยนต์