- About SCGC
- Products and Solutions
- Investor Relations
- Sustainability
- Advancing Community
- Media
เอสซีจี ร่วมกับมูลนิธิชัยพัฒนาและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ถอดบทเรียนความสำเร็จการจัดการขยะจาก 12 โครงการต้นแบบ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและก่อให้เกิดการเรียนรู้ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสมและเป็นรูปธรรมตามบริบท โดยในบทความนี้ขอนำเสนอภาพความสำเร็จการจัดการขยะตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ของ “วิภาวดีฯ ไม่มีขยะ”
ถนนสายธุรกิจ ถนนสายขยะ
ถนนวิภาวดีฯ เป็นที่ตั้งของบริษัทเอกชนชั้นนำต่าง ๆ ที่สำคัญของประเทศ และนั่นอาจอนุมานได้ว่าต้องเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่มีแนวโน้มปริมาณขยะเกิดขึ้นมาก ยิ่งหากขาดการจัดการอย่างบูรณาการและมีประสิทธิภาพแล้ว อาจจะทำให้เกิดปัญหาที่ส่งผลกระทบในภายหลังได้
ในทางกลับกัน หากบริษัททุกแห่งบนถนนธุรกิจแห่งนี้ ร่วมมือกันจัดการขยะอย่างเป็นระบบ น่าจะสร้างความเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจให้เกิดขึ้นได้ ด้วยความคิดริเริ่มของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และเครือข่ายเพื่อความยั่งยืนแห่งประเทศไทย (Thailand Responsible Business Network หรือ TRBN) จึงเกิดการรวมพลังของ 31 องค์กรชั้นนำบนถนนวิภาวดีฯ เพื่อร่วมกันเปลี่ยนแปลงถนนเส้นนี้ให้สะอาด สวยงาม เป็นแบบอย่างที่ดี
เพื่อให้เป็น “วิภาวดีฯ ไม่มีขยะ”
เริ่มต้น เพื่อต่อยอดอย่างยั่งยืน
ฟันเฟืองสำคัญของโครงการวิภาวดีฯ ไม่มีขยะ คือ พิมพรรณ ดิศกุล ณ อยุธยา ผู้อำนวยการเครือข่ายเพื่อความยั่งยืนแห่งประเทศไทย หรือ TRBN
เธอเล่าย้อนให้ฟังว่า ทางองค์กรเป็นผู้นำข้อมูลและความเป็นจริงมาบอกบริษัทบนถนนวิภาวดีว่า ประเทศไทยมีปัญหาขยะมากแค่ไหน ภาครัฐมีวิธีการรับมือและจัดการอย่างไร แล้วบริษัทต่าง ๆ ซึ่งถือว่าเป็นต้นทาง เป็นผู้ผลิตขยะสามารถที่จะช่วยอะไรได้บ้าง ถ้าช่วยแล้วจะเกิดผลดีกับเราและส่วนรวมอย่างไร หรือถ้าเราจัดการขยะในองค์กรแล้วจะมีหน่วยงานหรือบริษัทใดบ้างที่จะต่อยอดนำขยะนี้ออกไปจัดการหมุนเวียนเป็นทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ หรือนำไปกำจัดอย่างถูกวิธี รวมทั้งมีองค์กรใดบ้างที่จะสนับสนุนองค์ความรู้เฉพาะทางที่ช่วยเติมเต็มการจัดการขยะของเราให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
หนึ่งในองค์กรที่ช่วยเติมเต็มการจัดการขยะให้มีประสิทธิภาพ ก็คือบริษัท จีอีพีพี สะอาด จำกัด หรือ GEPP ซึ่งทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลทั้งหมดของโครงการนี้ โดยทุกบริษัทที่เข้าร่วมโครงการนี้ จะต้องกลับไปจัดการขยะภายในองค์กรของตัวเองให้ดี รวมทั้งเก็บบันทึก และส่งข้อมูลที่เป็นจริงมาให้ GEPP ข้อมูลจะเป็นตัวชี้วัดว่าแต่ละองค์กรจัดการขยะได้ดี มากน้อยแค่ไหน รวมทั้งมีอะไรที่ต้องจัดการให้ดีขึ้นได้อีก
เผยแพร่ความรู้ ขยายผลความร่วมมือ
โครงการวิภาวดีฯ ไม่มีขยะ ปัจจุบันประกอบด้วยบริษัทสมาชิกทั้งสิ้น 31 บริษัท โดยทุกบริษัทจะส่งข้อมูลการจัดการขยะของตนให้กับ GEPP บันทึกเก็บไว้
โดยเป้าหมายหลักที่สำคัญของปี 2563 ซึ่งเป็นปีแรกของโครงการ มีดังต่อไปนี้
นอกจากนั้น โครงการวิภาวดีฯ ไม่มีขยะ ยังหวังผลลัพธ์ คือ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้มากขึ้น เพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้คนบนถนนวิภาวดีฯ และให้ผู้คนในสังคมตระหนักรู้เรื่องการจัดการขยะให้มากขึ้น
สำหรับปี 2564 โครงการยังมีเป้าหมายหลักต่อเนื่อง ได้แก่ เกิดนวัตกรรมในการจัดการขยะและนำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ที่มีประสิทธิภาพและขยายผลได้มากกว่าเดิม มีบริษัทในเครือข่ายนำไปขยายผลในธุรกิจของตน รวมทั้งบูรณาการเรื่องการจัดการของเสีย และเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ในยุทธศาสตร์ทางธุรกิจ และขยายผลไปสู่บริษัทและพื้นที่อื่น ๆ
ความสำเร็จสำคัญของโครงการ
ก.ล.ต. ถือเป็นบริษัทสำคัญที่ร่วมผลักดันโครงการวิภาวดีฯ ไม่มีขยะ ให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน หลังร่วมเปิดตัวโครงการทางองค์กรกำหนดให้มีการคัดแยกขยะอย่างจริงจัง โดยการคัดแยกขยะของที่นี่แบ่งเป็น 8 ประเภทคือ 1. ขยะเศษอาหาร 2. พลาสติกสะอาด 3. กระป๋องและะกล่องกระดาษสะอาด 4. ขยะติดเชื้อ เช่น หน้ากากอนามัย 5. กระดาษสี 6. กระดาษขาวดำ 7. ถุงแกงและกล่องโฟม และ 8. ขยะฝังกลบ เช่น ทิชชู ไม้จิ้มฟัน ไม้เสียบลูกชิ้น ซึ่งขยะทุกประเภทล้วนได้รับการนำไปจัดการต่ออย่างถูกวิธี
ก.ล.ต. ยังมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นให้เกิดการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม โดยการกำกับดูแลให้บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผยข้อมูลว่าทางบริษัทได้ดำเนินการทำอะไรเพื่อสิ่งแวดล้อม หรือที่บ่งบอกว่ามีการรับผิดชอบต่อสังคม และมีธรรมาภิบาลที่ดีอย่างไรบ้าง โดยระบุในรายงานประจำปี 2564 เพื่อเผยแพร่ในปี 2565 มิได้เปิดเผยแต่เรื่องของงบดุลอย่างเดียว ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ ก.ล.ต. มีการกระตุ้นให้บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผยเรื่องการรับผิดชอบต่อสังคมลงในรายงานประจำปี
บมจ. จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก หรือ “อีสท์วอเตอร์” เป็นองค์กรที่เชี่ยวชาญเรื่องการจัดการน้ำ ก็นำการคัดแยกขยะไปปรับใช้กับองค์กร โดยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา อีสท์วอเตอร์สามารถนำขยะมารีไซเคิลได้ถึง 3,132 กิโลกรัม คิดเป็น 28% ของจำนวนขยะทั้งหมด และสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ได้ถึง 1,727.67 กิโลกรัม
บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส เริ่มต้นจัดการ e-waste หรือขยะอิเล็กทรอนิกส์มาก่อนที่จะเข้าร่วมโครงการวิภาวดีฯ ไม่มีขยะ แต่การเข้าร่วมโครงการนี้กระตุ้นให้คนทิ้ง e-waste ถูกต้องมากขึ้น โดยเอไอเอสมีจุดทิ้ง e-waste ทั่วประเทศ รวมทั้งหมด 1,806 จุด จากที่ไม่ค่อยมีผู้คนตระหนักรู้ กลับกลายเป็นว่าหลังจากเข้าร่วมโครงการนี้ มีผู้คนทิ้งขยะมากถึง 49,952 ชิ้น ภายในระยะเวลา 7 เดือน สามารถลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้สูงสุดถึง 499,520 กิโลกรัมคาร์บอน หรือเทียบเท่ากับต้นไม้ขนาดใหญ่ จำนวน 55,502 ต้น ดูดซับก๊าซดังกล่าวเป็นเวลา 1 ปีเต็ม
ดาวน์โหลด Waste to Wealth... เงินทองจากกองขยะ ได้ที่ https://www.scg.com/ebook-watse-to-wealth/
Copyright © SCG Chemicals Public Company Limited (2022). All Rights Reserved.