SCGC เปิดบ้านอวดโฉม Green Innovation และนวัตกรรมเพื่อโลกอนาคต ตอบรับเมกะเทรนด์โลก มุ่งสู่ The Next Chapter พร้อมเติบโตอย่างยั่งยืน

โลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อาทิ วิกฤตโรคระบาดอุบัติใหม่ อากาศแปรปรวน ฝุ่น PM2.5 ขยะล้นเมือง ขณะเดียวกันยังได้เกิดความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด ที่ช่วยให้ผู้คนมีความเป็นอยู่ที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น โลกแห่งความผันผวนจากวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) เป็นวิถีชีวิตที่ต้องปรับตัวตลอดเวลา (Changing  Normal) จึงนำไปสู่การเริ่มต้นชีวิตบทใหม่ของผู้คนในปัจจุบันที่จำเป็นต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว

เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ เอสซีจีซี (SCGC) ผู้นำนวัตกรรมเคมีภัณฑ์ครบวงจรเพื่อความยั่งยืนรายใหญ่ของไทยและภูมิภาคอาเซียน เห็นถึงวิถีชีวิตและความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป พร้อมนำธุรกิจก้าวข้ามผ่านยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลง ล่าสุดได้ร่วมจัดแสดงนวัตกรรมในงาน SCG: The Next Chapter Exposition นำนวัตกรรมและโซลูชันวัสดุแห่งอนาคต ภายใต้แนวคิด “INNOVATION THAT’S REAL” โดยเน้นที่ Green Innovation พร้อมขับเคลื่อนโลกอย่างยั่งยืนด้วยนวัตกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงนวัตกรรมที่ตอบรับเมกะเทรนด์ต่าง ๆ ของโลก ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สร้างโอกาสการแข่งขันในตลาดโลก รวมถึงความร่วมมือในการต่อยอดนวัตกรรมพลาสติกเพื่อโลกยั่งยืน มาจัดแสดงนิทรรศการ ‘The House of Chemicals’ บ้านแห่งอนาคตที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมพลาสติกสุดล้ำ ไฮไลต์ที่ SCGC นำมาจัดแสดง เน้นชูนวัตกรรมมูลค่าเพิ่มสูง (High Value Added Products and Services) จาก 5 อุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูง และตอบรับเมกะเทรนด์ ได้แก่

1) เทรนด์การใช้บรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นและการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมพลิกโฉมสร้างความเปลี่ยนแปลงใหม่ด้วยนวัตกรรมพลาสติกรักษ์โลก SCGC GREEN POLYMER^TM เพื่อใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดและคุ้มค่า ตอบโจทย์หลักเศรษฐกิจหมุนเวียน สามารถนำไปผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ รอบตัว อาทิ นวัตกรรมเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง (High Quality Post-Consumer Recycled Resin: PCR) นำไปผลิตบรรจุภัณฑ์ของใช้ในบ้าน/เครื่องสำอาง นวัตกรรมสารเคลือบชั้นฟิล์มป้องกันการซึมผ่านของอากาศ รับรองมาตรฐานสากล เป็นรายแรกในอาเซียน โดย RecyClass ช่วยทดแทนการใช้วัสดุที่หลากหลายในแต่ละชั้น (Multi-Material) ของบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อน อาทิ บรรจุภัณฑ์ที่ใช้กับอาหารแช่เย็น อาหารแช่แข็ง อาหารแห้ง และซองบรรจุภัณฑ์ชนิดเติมสำหรับผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายและน้ำยาทำความสะอาด โดยเหลือเพียงพลาสติกประเภทเดียวกันทั้งชิ้นงาน (Mono-Material) จึงสามารถนำไปรีไซเคิลได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ SCGC ได้ร่วมทุนกับ Braskem (บราสเคม) ประเทศบราซิล ศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งโรงงานผลิตพลาสติกชีวภาพในประเทศไทย และเดินหน้าลงทุนใน KRAS Group ผู้นำด้านการจัดการวัสดุเหลือใช้จากประเทศเนเธอร์แลนด์ และล่าสุด SCGC ได้พัฒนา EcoBioPlas นวัตกรรมเร่งการย่อยสลายของพอลิโพรพิลีน เพิ่มประสิทธิภาพการย่อยสลายได้ทางชีวภาพ

2) เทรนด์การดูแลสุขภาพ และการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ พัฒนาเม็ดพลาสติกสำหรับการแพทย์ SCGC™ PP และ PVC ที่เหมาะสำหรับอุปกรณ์การแพทย์และเภสัชกรรมโดยเฉพาะ อาทิ กระบอกเข็มฉีดยา สายและถุงน้ำเกลือ ถุงเลือด โดยเป็นไปตามเงื่อนไขของมาตรฐานสากล เหมาะสำหรับวิธีการฆ่าเชื้อ (Sterilization) เตรียมพร้อมรับมือโรคระบาดที่อาจเกิดขึ้น พร้อมนำเทคโนโลยีดิจิทัล มายกระดับการอยู่อาศัย ส่งเสริมสุขภาพ และความปลอดภัยในการใช้ชีวิตในการดูแลผู้สูงอายุ

3) เทรนด์อุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต ตอบโจทย์ Future Mobility รถยนต์ที่ต้องการน้ำหนักเบาลง เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน ลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยพัฒนานวัตกรรมพลาสติกเพื่อตอบโจทย์อุตสาหกรรมยานยนต์โดยเฉพาะทั้งในส่วนประกอบทั้งด้านในและนอกรถยนต์ให้มีความแข็งแรง แต่น้ำหนักเบาลง

4) เทรนด์การเติบโตของพลังงานสะอาด ขยายการลงทุนไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า โดยเป็นส่วนหนึ่งในห่วงโซ่ธุรกิจผลิตแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าในการผลิตอะเซทิลีนแบล็ก (Acetylene Black) ผลิตภัณฑ์คาร์บอนแบล็กชนิดพิเศษที่เป็นวัสดุนำไฟฟ้า มีคุณสมบัติที่มีความบริสุทธิ์และการนำไฟฟ้าสูง เพื่อใช้ผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบชาร์จไฟได้ในยานยนต์ไฟฟ้า

5) เทรนด์ความเป็นเมืองและโครงสร้างพื้นฐาน ด้วยโซลูชันเคมีภัณฑ์เพื่อการอยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ความสวยงามพร้อมกับฟังก์ชันที่ล้ำสมัย ด้วยวัสดุแผ่นอะคริลิก ชินโคไลท์ (SHINKOLITE^TM ) สวยงามทันสมัย โปร่งใส แต่สามารถตัดรังสีอินฟาเรดได้ถึง 50% ช่วยลดอุณหภูมิใต้แผ่นเฉลี่ย 5 องศาเซลเซียส ตอบสนองการใช้งานได้อย่างสะดวกสบายในรูปแบบที่หลากหลาย อาทิ หลังคากันสาด/หลังคาโรงจอดรถโปร่งแสง ราวกันตกอะคริลิก ประตูภายใน ฉากกั้นห้องอะคริลิก งานตกแต่งภายใน เป็นต้น มาพร้อมกับนวัตกรรมประตูหน้าต่างไวนิล วินด์เซอร์ (WINDSOR) ที่พัฒนาขึ้นมาให้เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศร้อนชื้นของประเทศไทยโดยเฉพาะ พร้อมดีไซน์หลากหลายตอบสนองทุกความต้องการ

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีโซลูชันที่น่าสนใจจากธุรกิจในกลุ่มบริษัท SCG อีกมากมายทั้ง ดิจิทัลโลจิสติกส์ สมาร์ทลิฟวิ่ง และสมองกลอัจฉริยะ มาร่วมเดินทางครั้งใหม่ไปด้วยกัน ในงาน “SCG : The Next Chapter Exposition” ระหว่างวันที่ 13 – 16 ธันวาคม 2565 ตั้งแต่ 08:00-17:30 น. ณ เอสซีจี สำนักงานใหญ่ บางซื่อ (เดินทางสะดวกด้วย MRT ลงสถานีบางซื่อ ทางออก ประตู 2) สามารถลงทะเบียนร่วมงานได้ที่ http://go.eventpop.me/scgthenextchapter