วันที่: 22 มิ.ย. 2565
กรุงเทพฯ – 22มิถุนายน 2565 ซีพี ออลล์-เซเว่น อีเลฟเว่น ผนึกกำลัง10พันธมิตรยักษ์ใหญ่ อาทิ เอสซีจี เคมิคอลส์ (SCGC), เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP), ยูนิลีเวอร์ ร่วมต่อยอด “ภาคีเครือข่ายต้นกล้าไร้ถัง” สู่ภาคีเครือข่ายด้านการจัดการขยะที่แข็งแกร่งที่สุดในไทย สร้างระบบนิเวศการจัดการขยะครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำ รวบรวมผู้เกี่ยวข้องทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มผู้ให้ความรู้-กลุ่มผู้คัดแยกขยะ-กลุ่มผู้รับจัดส่งวัสดุ-กลุ่มผู้รีไซเคิล-กลุ่มผู้รวบรวม-กลุ่มเจ้าของผลิตภัณฑ์-กลุ่มผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ แก้ปัญหาขยะร่วมกัน พร้อมพัฒนาGreen Learning Networkหวังขยายภาคีเครือข่ายสู่โรงเรียน CONNEXT ED5,567แห่งทั่วประเทศ ลดปริมาณขยะอย่างยั่งยืนทุกพื้นที่ตั้งแต่ต้นทาง
นายประสิทธิ์ ฉกาจธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สำนักกิจการสังคมและสิ่งแวดล้อม บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และ เซเว่น เดลิเวอรี่กล่าวว่า บริษัทได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับอีก10องค์กร ประกอบด้วย 1. บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือSCGC2. บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือSCGP 3. บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด (Unilever)4. บริษัท เอส ไอ จี คอมบิบล็อค จำกัด5. บริษัท ไทย เบเวอร์เรจ แคน จำกัด 6. บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด7. กลุ่มอำพลฟูดส์ (AMPOLFOOD Group) 8.บริษัท สถานีรีไซเคิล วงษ์พาณิชย์สุวรรณภูมิ จำกัด9. บริษัท อีโค่ เฟรนด์ลี่ ไทย จำกัด และ10. วัดจากแดง ร่วมเป็นสมาชิกภาคีเครือข่ายต้นกล้าไร้ถัง ต่อยอดให้กลายเป็นภาคีด้านการจัดการขยะที่แข็งแกร่งที่สุดในไทยพร้อมทั้งสร้างระบบนิเวศการจัดการขยะครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำ
สำหรับภาคีเครือข่ายต้นกล้าไร้ถังเกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นขยายผลความสำเร็จโครงการต้นกล้าไร้ถังของโรงเรียนอนุบาล ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ภายใต้โครงการCONNEXT EDที่ซีพี ออลล์ ดูแล ซึ่งสามารถช่วยกันปลูกฝังเยาวชนในโรงเรียนให้ช่วยกันลด ละ เลิกการใช้สิ่งที่สามารถกลายมาเป็นขยะ คัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง นำสิ่งที่คนมองว่าเป็นขยะมารียูส รีไซเคิล จัดการเป็นวัสดุอินทรีย์ สร้างรายได้กลับสู่โรงเรียน จนสามารถลดปริมาณขยะจากเดือนละ15ตัน เหลือเพียงเดือนละ2กิโลกรัมที่ผ่านมา ได้มีการขยายเครือข่าย ให้โรงเรียนCONNEXT EDนำไปปฏิบัติแล้วจำนวน2รุ่น หรือมากกว่า153โรงเรียน กำลังขยายสู่รุ่นที่3ในปีนี้เพิ่มอีก 47 โรงเรียน รวมถึงมีโรงเรียนและชุมชนนอก CONNEXT EDอีก243แห่ง
ขณะที่การขยายเครือข่ายไปยังฝั่งเอกชนในครั้งนี้ นับเป็นการรวบรวมผู้เกี่ยวข้องในระบบนิเวศการจัดการขยะเข้าด้วยกันอย่างครบวงจร ประกอบด้วย ได้แก่1. กลุ่มผู้ให้ความรู้เช่น ซีพี ออลล์และโรงเรียนอนุบาลทับสะแก ทำหน้าที่สนับสนุนงบประมาณ ประสานหน่วยงานทั้งรัฐและเอกชน สร้างความเข้าใจในแนวการปฏิบัติ เผยแพร่องค์ความรู้ ให้แนวทางการ จัดหลักสูตรท้องถิ่น “ต้นกล้าไร้ถัง” สนับสนุนวิทยากรถ่ายทอดแก่ผู้สนใจ2. กลุ่มผู้ลงมือปฏิบัติได้แก่ โรงเรียนและชุมชนในภาคี ร่วมขับเคลื่อนการคัดแยกวัสดุรีไซเคิลออกจากขยะในโรงเรียน ชุมชนของตัวเอง ทำความสะอาดวัสดุ รวบรวมจัดส่งวัสดุเข้าสู่กระบวนการปลายทาง
3. กลุ่มผู้รับจัดส่งวัสดุและบันทึกข้อมูลได้แก่ บริการSpeed-Dของเซเว่น อีเลฟเว่น ทำหน้าที่ตัวกลางในการจัดส่งวัสดุให้สมาชิกภาคีไปยังโรงงานรีไซเคิลโดยไม่มีค่าใช้จ่าย และเว็บแอปพลิเคชัน “คุ้มค่า” (KoomKah)ของSCGCดิจิทัลโซลูชันที่เข้ามาช่วยบริหารจัดการข้อมูลให้ธนาคารขยะอย่างมีประสิทธิภาพเว็บแอปพลิเคชัน “คุ้มค่า” (KoomKah)ช่วยบันทึกปริมาณน้ำหนักวัสดุแต่ละชนิด แปลงค่าออกมาเป็นคะแนน และจำนวนเงิน พร้อมเก็บข้อมูลผู้ฝาก (สมาชิกธนาคาร) ผู้รับซื้อ (ซาเล้ง ร้านค้าย่อย ร้านค้าใหญ่) ประวัติการฝาก รวมถึงคำนวณปริมาณก๊าซเรือนกระจก (คาร์บอนไดออกไซด์) ที่ลดลงจากการรีไซเคิล เพื่อสะท้อนผลลัพธ์การจัดการ สู่กลุ่มภาคีเครือข่ายและสังคมเพื่อรับรู้ถึงความก้าวหน้าในโครงการต่อไป
4. กลุ่มผู้รีไซเคิลได้แก่ อีโค่ เฟรนด์ลี่ ไทย,SCGC และ SCGP ทำหน้าที่รับซื้อ รีไซเคิล หรืออัปไซเคิลวัสดุที่ตัวเองมีความเชี่ยวชาญ เช่น กล่องยูเอชที กระดาษ ถุงนมโรงเรียน กระป๋อง ไปเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ แล้วส่งกลับไปให้โรงเรียนต่างๆ นำไปใช้ประโยชน์ได้อีกครั้ง5.กลุ่มผู้รวบรวมจัดเก็บได้แก่ วงษ์พาณิชย์ และวัดจากแดง ทำหน้าที่รับซื้อ รับแลกวัสดุประเภทพลาสติก ขวดพลาสติก เศษอาหาร เพื่อนำไปจำหน่ายต่อ รียูส หรือแปรรูปลักษณะอื่นต่อไป6.กลุ่มเจ้าของผลิตภัณฑ์ได้แก่ ยูนิลีเวอร์ และกลุ่มอำพลฟูดส์ ทำหน้าที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเครือข่ายและลูกค้า พร้อมสนับสนุนสินค้าบริโภคอุปโภคและงบประมาณเพื่อให้เกิดกระบวนการในการใช้ประโยชน์ หรือแปรรูปวัสดุประเภทพลาสติกหลายชั้น และขวดพลาสติกประเภท HDPE ซึ่งแต่เดิมไม่มีการรับซื้อจากหน่วยรับซื้อ 7.กลุ่มผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ได้แก่บริษัท ไทย เบเวอร์เรจ แคน จำกัด ผู้ผลิตกระป๋องอลูมิเนียม,เอส ไอ จี คอมบิบล็อคและเต็ดตรา แพ้ค ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กล่องเครื่องดื่ม ทำหน้าที่ประสานงานกลุ่มบริษัทองค์กรต่างๆ รวมถึงสนับสนุนองค์ความรู้ เทคนิค วิธีการ และทรัพยากรเพื่อขับเคลื่อนกระบวนการในการจัดเก็บ รวบรวม ส่งต่อ และแปรรูปวัสดุรีไซเคิลไปยังปลายทางให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการนำกลับมาหมุนเวียนใช้ซ้ำ
“ความร่วมมือและการขยายภาคีครั้งนี้นำไปสู่การสร้าง3อย่าง คือ1.ภาคีเครือข่ายด้านการจัดการขยะที่แข็งแกร่งที่สุด2.ระบบนิเวศการจัดการขยะที่ครบวงจรที่สุด และ3.Green Learning Networkที่รวบรวมทั้งนักเรียน ครู ผู้ปกครอง ผู้นำชุมชน คนในชุมชน มาเรียนรู้ด้านการจัดการขยะร่วมกัน เราตั้งเป้าว่าจะเจรจากับพันธมิตรCONNEXT EDรายอื่นๆ ขยายผลการจัดการขยะตามโมเดลต้นกล้าไร้ถังไปสู่โรงเรียนCONNEXT EDทั้งหมด5,567โรงเรียน และเปิดให้โรงเรียนและชุมชนอื่นๆ ที่สนใจมานำโมเดลไปใช้ ลดปริมาณขยะและมลภาวะอย่างยั่งยืนทุกพื้นที่ทั่วประเทศตั้งแต่ต้นทาง โดยซีพี ออลล์ จะช่วยเป็นแกนกลาง สนับสนุนงบประมาณ และประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ อย่างต่อเนื่อง” นายประสิทธิ์กล่าว
นายนิวัฒน์ อธิวัฒนานนท์ประธานคณะกรรมการ Innovation & Circular Economy บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือSCGCกล่าวว่า SCGC ให้ความสำคัญกับเรื่อง Circular Economy มาอย่างต่อเนื่อง โดยร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อนำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนมาประยุกต์ใช้ใน eco system ต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยให้การใช้ทรัพยากรเกิดประโยชน์สูงสุด ลดปัญหาขยะและช่วยลดภาวะโลกร้อน สำหรับภาคีเครือข่ายต้นกล้าไร้ถัง ถือเป็นการสร้างระบบนิเวศการจัดการขยะที่สอดคล้องกับหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) โดยSCGCจะเข้ามาช่วยดำเนินการใน2ส่วน ได้แก่1. เว็บแอปพลิเคชัน “คุ้มค่า” (KoomKah)เพื่อให้ทุกโรงเรียนสามารถเห็นผลลัพธ์การจัดการของตัวเอง พร้อมทั้งสะสมคะแนน แปลงขยะกลับมาเป็นเงินหรือผลิตภัณฑ์รีไซเคิลผ่านการแลกคะแนนได้ กระตุ้นให้โรงเรียนมีส่วนร่วมจัดการขยะผ่านประโยชน์ที่ได้รับ2. โครงการถุงนมกู้โลกที่ผ่านมาถุงนมโรงเรียน เป็นขยะที่ไม่มีผู้รับซื้อจึงถูกกำจัดด้วยการฝังกลบ ทางSCGC ได้ให้ความรู้เรื่องการจัดการขยะแก่เยาวชน พร้อมร่วมแก้ปัญหาการจัดการขยะกับทางโรงเรียนนำร่องที่ จ.ระยอง โดยใช้ความเชี่ยวชาญด้านวัสดุและกระบวนการรีไซเคิล เปลี่ยนถุงนมให้เป็นเม็ดพลาสติกที่มีคุณภาพ นำไปใช้ผลิตเป็นของใช้ต่าง ๆ ได้อีกครั้ง เช่น เก้าอี้พลาสติกรีไซเคิล กระถางต้นไม้ ให้โรงเรียนได้นำไปใช้ประโยชน์และเยาวชนได้เห็นตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมพร้อมขยายผลกับเครือข่ายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนต่อไป
นอกจากนี้พระครู ทิพากร อริโย รองเจ้าอาวาสวัดจากแดงกล่าวเสริมว่า ทางวัดจะเข้ามาช่วยทำหน้าที่ในการรับแลก บริจาควัสดุย่อยสลายประเภทอาหารหมดอายุ เศษอาหาร และรวมถึงพลาสติกทุกชนิด เพื่อส่งต่อไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ สินค้าบริโภคและอุปโภคอื่นๆ อาทิ ผลิตอาหารสัตว์เพื่อสงเคราะห์สุนัขและแมวจรจัด ผลิตใยผ้าจากขวดพลาสติกเพื่อนำมาทอและตัดเย็บเป็นผ้าสบงจีวร ผลิตและแปรรูปเป็นน้ำหมักชีวภาพ ผลิตภัณฑ์จากน้ำหมักชีวภาพ ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยหมักปุ๋ยอินทรีย์ รวมถึงผลิตเป็นแก๊สชีวภาพ หรือแก๊สหุงต้มไว้ใช้งานภายในโรงครัวของวัดเพื่อทำนุบำรุงพระสงฆ์ผู้สืบทอดพระพุทธศาสนาต่อไป
นางสาวรัตนศิริ ติลกสกุลชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัดกล่าวว่า กล่องนม และกล่องเครื่องดื่มUHTนับเป็นอีกหนึ่งความท้าทายในการจัดการขยะบรรจุภัณฑ์ในโรงเรียนและชุมชน โดย เต็ดตรา แพ้ค ในฐานะผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กล่องเครื่องดื่ม วางเป้าหมายการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างเหมาะสมและยั่งยืน ตั้งแต่การออกแบบ จัดหาวัสดุอย่างรับผิดชอบ ไปจนถึงเมื่อสิ้นสุดการใช้งาน เพราะบริษัททราบดีว่ากล่องใช้แล้วเหล่านี้ เป็นวัตถุดิบที่มีค่าและสามารถนำมารีไซเคิลสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็นประโยชน์ได้ โครงการนี้ ได้เปิดโอกาสให้บริษัทได้ทำงานร่วมกับอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม และบรรจุภัณฑ์ เพื่อสนับสนุนและเพิ่มศักยภาพของโรงงานรีไซเคิล ในการรับซื้อกล่องเครื่องดื่มใช้แล้วเพื่อนำไปแปรรูปเป็นแผ่นหลังคา อิฐบล็อค หรือแผ่นไม้เทียม สำหรับทำเป็นโต๊ะ เก้าอี้นักเรียนได้ เต็ดตรา แพ้ค รู้สึกยินดีและภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนสำคัญในการพัฒนาด้านความยั่งยืนให้กับประเทศร่วมกับภาคอุตสาหกรรมและชุมชน รวมไปถึงเด็กๆ ที่เป็นอนาคตของประเทศด้วย
ด้านนายสมยศ วัฒน์พานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีโค่ เฟรนด์ลี่ ไทย จำกัดกล่าวว่า การรับซื้อกล่องเครื่องดื่มใช้แล้วให้กลับเข้ามาสู่กระบวนการรีไซเคิลภายใต้โครงการนี้ ยังเป็นการเพิ่มปริมาณวัตถุดิบให้สอดคล้องกับกำลังการผลิตของโรงงานรีไซเคิลกล่องเครื่องดื่มของบริษัท ซึ่งในปัจจุบันพบว่าปริมาณวัตถุดิบมีไม่เพียงพอต่อกำลังการผลิต โดยกล่องที่รวบรวมได้เพื่อใช้ในการผลิตมีปริมาณเพียง100ตันต่อเดือน ในขณะที่มีความต้องการกล่องเครื่องดื่มใช้แล้วเพื่อนำกลับมาใช้ในการรีไซเคิลจำนวนมาก อย่างน้อย500ตันต่อเดือน
สำหรับบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)เป็นหนึ่งในพันธมิตรผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิสานอนาคตการศึกษา คอนเน็กซ์อีดี(CONNEXT ED)และเป็น1ใน44องค์กรเอกชนที่เล็งเห็นความสำคัญและตอบรับการมีส่วนร่วมทางการศึกษา โดยขับเคลื่อนโครงการตามปณิธานองค์กร“ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสต่อกัน”วางเป้าดูแลโรงเรียนในโครงการCONNEXT ED 5เฟส จำนวนกว่า600แห่งทั่วประเทศ ร่วมสนับสนุนโรงเรียนให้สามารถดำเนินโครงการด้านต่างๆ ทั้งโครงการที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ โครงการพัฒนาคุณภาพคน โครงการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน โครงการส่งเสริมอาชีพ โครงการด้านสิ่งแวดล้อม โดยมีผู้นำรุ่นใหม่ หรือSchool Partnerซึ่งเป็นอาสาสมัครจากในองค์กรร่วมลงพื้นที่และคอยให้คำแนะนำในการพัฒนาโครงการของโรงเรียนต่างๆ อย่างใกล้ชิด